
ดวงตาของเราทุกคนมีจุดบอด โดยที่เราเองไม่เคยรู้ตัว
บางคนเป็นโรคตา เช่น โรคต้อหิน จนตาเกือบจะมองไม่เห็นอยู่แล้ว ก็ยังไม่รู้ตัว
เป็นเพราะอะไร ลองมาดูเหตุผลกันค่ะ...
เริ่มจากมาลองหาจุดบอดในตาของเรากันก่อน มาดูรูปเครื่องหมาย + กับจุดสีดำรูปนี้กัน

ลองใช้มือปิดตาซ้ายของคุณ แล้วใช้ตาขวาจ้องที่เครื่องหมาย +
ถ้าคุณกำลังดูใน smart phone หมอแนะนำให้ขยายภาพดูในแนวนอน ยืดแขนที่ถือโทรศัพท์ให้สุด แล้วค่อยๆขยับเข้าใกล้หน้าคุณช้าๆ
ถ้าคุณดูบนจอคอมพิวเตอร์ ให้ขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆจอก่อน แล้วลองค่อยๆขยับออกจากจอช้าๆ
ที่ตำแหน่งหนึ่งคุณจะพบว่าจุดสีดำหายไป
ตำแหน่งนั้นก็คือจุดบอดที่มีตามธรรมชาติของตาคุณนั่นเอง!
ที่นี้ลองสลับข้างกัน ลองใช้มือปิดตาขวาของคุณ แล้วใช้ตาซ้ายจ้องที่จุดสีดำ เครื่องหมาย + ก็จะหายไปเช่นกัน
ทำไม...จุดดำหรือเครื่องหมาย + ถึงได้หายไป ?
ปกติแล้วจอประสาทตาของคนเราจะประกอบด้วยเซลล์มีหน้ามีรับแสง แล้วส่งสัญญาณภาพต่อไปที่สมอง
แต่จะมีอยู่บริเวณหนึ่งในจอประสาทตาซึ่งจะไม่มีเซลล์รับแสงอยู่
นั่นก็คือบริเวณขั้วประสาทตา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เส้นประสาทตาและเส้นเลือดวิ่งเข้าสู่ลูกตาของเราทางด้านหลัง
และนี่ก็คือตำแหน่ง "จุดบอด" (Blind Spot) ที่เราทุกคนต้องมีนั่นเอง!

แล้วทำไม...เราถึงไม่เคยรู้ตัวว่าเรามีจุดบอดนี้อยู่?
มาดูรูปนี้กันต่อค่ะ…

ทำเหมือนเดิมค่ะ
คราวนี้คุณจะพบว่าพอจุดดำหายไป คุณจะเห็นเป็นพื้นสีเหลือง
หรือพอเครื่องหมาย + หายไป คุณก็จะเห็นเป็นพื้นสีเขียว
เหมือนไม่มีอะไรตรงนั้นที่ขาดหายไปเลย!
แล้วลองต่อด้วยรูปนี้เลยค่ะ

ทีนี้คุณจะเห็นว่าพอจุดสีดำหายไป เส้นตรงสีดำกลับไม่ได้ขาดออกจากกัน
และรูปนี้...

พอจุดสีเหลืองหายไป เรากลับเห็นเหมือนมีจุดสีแดงมาแทนที่
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น เพราะสมองของเรามีความสามารถในการ”เติมเต็ม”สัญญาณภาพที่ขาดหายไป โดยใช้ข้อมูลจากสภาพแวดล้อมรอบๆ
หรือแม้กระทั่งสร้างภาพขึ้นมาใหม่โดยการคาดคะเนจากการเรียนรู้ ความจำ หรือประสบการณ์ที่เราเคยมี
ทำให้เราทุกคนไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลย ว่าตาของเรามีจุดบอดนี้อยู่
เพราะว่าสมองของเราสามารถ”สร้างภาพ”มาเติมเต็มส่วนของภาพที่ขาดหายไปได้นั่นเอง
นี่เป็นความมหัศจรรย์ของสมองของคนเรา ที่อาจจะมีข้อดี เช่น ช่วยให้สมองไม่ต้องเสียเวลาประมวลข้อมูลที่ได้รับเข้ามาแบบละเอียดยิบไปซะทุกเรื่อง เลือกใช้เฉพาะข้อมูลที่มีความสำคัญต่อการอยู่รอด ที่เหลือก็เดา หรือคาดคะเนเอาจากการเรียนรู้ที่เคยมีมาก็พอ เป็นต้น
แต่ก็อาจจะมีข้อเสียอยู่เหมือนกัน เช่น ในคนที่เป็นโรคต้อหิน
ที่ถึงแม้ว่าจะมี "จุดบอดที่เกิดจากโรคต้อหิน" ซึ่งเป็นผลจากการที่เส้นประสาทตาถูกทำลาย เกิดขึ้นแล้วก็ตาม (คนละอย่างกับจุดบอดธรรมชาติที่เราทุกคนมีอยู่แล้ว)
แต่สมองของคนไข้ก็จะคอย"เติมเต็มภาพ"ส่วนที่ขาดหายไป คนไข้ก็เลยไม่รู้ตัว จนกระทั่งสูญเสียการมองเห็นไปมากแล้ว
ทำให้คนไข้มาหาหมอช้าเกินไปค่ะ
หมอแนน
รศ.พญ.มัญชิมา มะกรวัฒนะ
Source: https://visionaryeyecare.wordpress.com/2008/08/04/eye-test-find-your-blind-spot-in-each-eye/